articleธุรกิจอีคอมเมิร์ซควรเลือกโกดังให้เช่าเก็บสินค้าแบบไหนดี

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซควรเลือกโกดังให้เช่าเก็บสินค้าแบบไหนดี

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซควรเลือกโกดังให้เช่าเก็บสินค้าแบบไหนดี

โกดังให้เช่าแบบไหนเหมาะกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โกดังให้เช่า

 

ปัจจุบัน โกดังให้เช่า คลังสินค้าให้เช่า หรือ WAREHOUSE  มีความสำคัญอย่างมากสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ( E-commerce) เนื่องจากคลังสินค้า คือ องค์ประกอบสำคัญในระบบโลจิสติกส์ แม้ว่าในความเป็นจริงในช่วงเริ่มต้นธุรกิจนั้น การลงทุนในคลังสินค้าสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซอาจดูไร้เหตุผล

แต่เมื่อใดที่ธุรกิจขยายตัวมากๆ  โกดังให้เช่า หรือ คลังสินค้าให้เช่าจะมีความจำเป็น และมีเป็นประโยชน์อย่างต่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะการมีพื้นที่คลังสินค้าจะช่วยให้ลูกค้าได้รับสินค้าเร็วขึ้น ช่วยรวบรวมคำสั่งซื้อ และยังเป็นศูนย์กระจายสินค้า โดยเฉพาะคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นคลังสินค้าที่มีความเหมาะสมในการพัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว 

แม้ว่าเราจะทราบกันดีว่าคลังสินค้าให้เช่า มีความสำคัญต่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซมากเพียงใด แต่การเลือกคลังสินค้าให้เหมาะกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซของแต่ละคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซนั้นเป็นการขายสินค้าที่หลากหลายไม่เหมือนกัน ทำให้การเลือกโกดังสินค้าให้เช่าเพื่อใช้ในการสต๊อกสินค้า มีความแตกต่างกันออกไปตามลักษณ์สินค้า

 

ทำความรู้จัก 5 ประเภทคลังสินค้า

เมื่อจะต้องเลือกใช้คลังสินค้าให้เหมาะกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซนั้น สิ่งแรกที่เราควรทำ คือ ศึกษาและทำความเข้าใจประเภทและประโยชน์ของคลังสินค้าแต่ละประเภท เพื่อให้ทราบและเข้าใจระบบการใช้งานคลังสินค้าประเภทต่างๆ ซึ่งต่อไปนี้ คือ 5 ประเภทของคลังสินค้า

  1. คลังสินค้าสาธารณะ คือ คลังสินค้าให้เช่า หรือโกดังให้เช่า ที่เปิดให้ผู้ปะกอบธุรกิจหลาย ๆ รายเช่าพื้นที่ใช้งานร่วมกัน หรือ ก็คือการ “เช่า” คลังสินค้าหลักเพื่อใช้งานเป็นห้องเก็บสินค้าหรือพื้นที่เก็บสินค้าร่วมกับธุรกิจอื่นๆ

  2. คลังสินค้าส่วนตัว คือคลังสินค้าที่เป็นของเจ้าของสินค้าเอง ไม่มีผู้ประกอบการหรือผู้ใช้บริการรายอื่นมาร่วมใช้ โดยเราสามารถใช้พื้นที่ภายในคลังสินค้าได้อย่างอิสระ อาจเป็นคลังสินค้าที่สร้างเองหรือแบบเช่าก็ได้

  3. คลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ คลังสินค้าประเภทนี้เป็นที่ต้องการสำหรับสินค้าที่มีความจำเป็นต้องรักษาความสดใหม่ มีการควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น หรือสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมสำหรับสินค้าชนิดนั้น ๆ โดยเฉพาะ เช่น โกดังสำหรับจัดเก็บดอกไม้ ห้องเย็นสำหรับจัดเก็บอาหารสดหรืออาหารแช่แข็ง เป็นต้น

  4. คลังสินค้าทัณฑ์บน (Bonded Warehouse) คลังสินค้า หรือโกดังให้เช่า ประเภทนี้มีไว้สำหรับสินค้านำเข้าที่ต้องรอการตรวจสอบจากศุลกากร เพราะฉะนั้น คลังสินค้าประเภทนี้ก็จะมีการดูแลจัดการโดยรัฐบาลโดยตรงสำหรับการชำระภาษีของสินค้านำเข้านั้นๆ ก่อนที่บริษัทจะสามารถดำเนินการเรื่องการขนส่งไปยังสถานที่ต่อไปได้ ทำให้ส่วนใหญ่แล้วคลังสินค้าทัณฑ์บนมักจะตั้งอยู่ตามท่าเรือหรือสนามบินเพื่อรอการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตและศุลกากรให้เรียบร้อยก่อน

  5. คลังสินค้าแบบครบวงจร (Fulfillment) คลังสินค้าประเภทนี้จะมีบริการที่ครบวงจร ตั้งแต่รับแพ็คสินค้า ไปจงถึงการจัดส่งสินค้าถึงมือลูกค้า คลังสินค้าประเภทนี้เป็นคลังสินค้าที่รับสินค้าจากผู้ประกอบการ E-Commerce พร้อมพนักงานแพ็ค และจัดส่งสินค้าให้เลย โดยมีพาร์ทเนอร์เป็นขนส่งชั้นนำเข้ารับที่คลังทุกวัน พร้อมกับทำหน้าที่สต๊อกสินค้าให้กับแบรนด์หรือธุรกิจเหล่านั้นด้วย ซึ่งปัจจุบันคลังสินค้าประเภทนี้ได้รับความนิยมมากเนื่องจากช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ได้ดีอย่างมีประสิทธิภาพ 

 

สิ่งที่คลังสินค้าอีคอมเมิร์ซควรมี

คลังสินค้า คือ หนึ่งในกระบวนการจัดเก็บและจัดระเบียบสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ เพื่อให้พร้อมสำหรับการหยิบ และ จัดส่งเมื่อลูกค้าสั่งซื้อ โดยคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซที่มีประสิทธิภาพ จะต้องมี ระบบการจัดการคลังสินค้าที่เชื่อถือได้ เป็นระบบที่เข้าใจกระบวนการที่เกี่ยวข้องในการทำงานประจำวันของคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซ โดยกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซควรมีคือ 8 สิ่งต่อไปนี้ 

  • การรักษาความปลอดภัยสินค้าคงคลังของร้านค้าหรือผลิตภัณฑ์
  • การติดตามอุปกรณ์คลังสินค้า
  • ระบบการบริหารจัดการพนักงาน หรือเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในคลังสินค้า
  • การจัดการสินค้าคงคลังของวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูป หรือ การจัดการสินค้าคงคลังสามารถทำได้ผ่าน
  • ระบวนการเข้าก่อนออกก่อน (FIFO)
  • การตรวจสอบห่วงโซ่อุปทานอีคอมเมิร์ซทั้งหมด
  • มีส่วนร่วมและร่วมมือกับผู้ให้บริการขนส่ง
  • การพยากรณ์อุปสงค์และ อุปทานของสินค้า
  • มีการรักษามาตรการป้องกันความปลอดภัยตลอดเวลา เพื่อลดอุบัติเหตุและช่วยปกป้องสินค้าคงคลัง อุปกรณ์ และพนักงาน

 

วิธีเลือกคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซ

การระบุคุณสมบัติ และประเภทต่าง ๆ ของคลังสินค้าที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซควรมีนั้น เป็นเพียงปัจจัยบางส่วนที่บ่งชี้ว่าโกดังให้เช่าหรือคลังสินค้าให้เช่านับมีความเหมาะสมเจ้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซควรเลือก แต่สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งที่เราต้องนำมาพิจารณาร่วมว่าคลังสินค้าให้เช่าประเภทใดที่เหมาะกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซของเรา และตรงกับเป้าหมายและความต้องการทางธุรกิจของเราที่ขาดไม่ได้คือ

  1. สถานที่ การตั้งค่าคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซต้องมีระยะทางที่เหมาะสมจากลูกค้า เพื่อช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ การเลือกสถานที่ตั้งคลังสินค้าที่สะดวกจะทำให้สามารถจัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เรามีต้นทุนขนส่งที่ลดลง โดยสถานที่ตั้งโกดังให้เช่า ควรมีที่ตั้งใกล้ระบบขนส่งมวลชน เช่น ท่าเรือขนส่งและทางรถไฟ เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะทางธุรกิจ เพราะลูกค้าให้ความสำคัญกับบริการที่รวดเร็วและเชื่อถือได้

  2. การเข้าถึงคลังสินค้า ในขณะที่สถานที่ตั้งของคลังสินค้ามีความสำคัญอย่างมาก การเข้าถึงคลังสินค้าก็เช่นกัน คำสั่งซื้ออาจล่าช้าหากคลังสินค้าไม่สามารถเข้าถึงได้ง่ายจากถนนและมอเตอร์เวย์ใกล้เคียง ฯลฯ ดังนั้นก่อนที่จะเลือกคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซ ให้ตรวจสอบสภาพถนนและการจราจรในบริเวณใกล้เคียงด้วย

  3. โซลูชันคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซแบบบูรณาการ คลังสินค้าอีคอมเมิร์ซที่เหมาะสมควรมีคุณสมบัติคลังสินค้าแบบบูรณาการ รวมถึงการตั้งค่าคลังสินค้า ที่ปรับให้เหมาะสม พนักงานที่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดี และสิ่งอำนวยความสะดวกในการขนส่งที่เชื่อถือได้ ก่อนเลือกคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโซลูชันคลังสินค้าเหล่านั้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานคลังสินค้าและแก้ปัญหาการจัดการคลังสินค้า

  4. เทคโนโลยี ผลกระทบของเทคโนโลยีที่มีต่อวิธีการทำงานของคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซ ในปัจจุบันมีสูงมาก เพราะเทคโนโลยีสามารถทำให้การดำเนินงานคลังสินค้าเป็นไปโดยอัตโนมัติ รวมถึงการจัดการสินค้าคงคลังและการติดตามสินค้าคงคลังของร้านค้าแบบเรียลไทม์ก่อนเลือกคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของเราสามารถผสานรวมกับช่องทางการขาย ระบบการจัดการคลังสินค้า และซอฟต์แวร์การจัดการสินค้าคงคลังได้

  5. ความเหมาะสมกับขนาดธุรกิจ เลือกคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซที่สามารถจัดการปริมาณการสั่งซื้อของเราและมีพื้นที่คลังสินค้าเพียงพอสำหรับจัดเก็บสินค้าคงคลัง และคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับปริมาณการสั่งซื้อที่น้อยลงไม่มีความจุหรือโครงสร้างพื้นฐานในการจัดการกับการจัดส่งขนาดใหญ่ ดังนั้น เลือกคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซตามขนาดธุรกิจของเราด้วย

  6. ผลผลิตและประสิทธิภาพ เลือกคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซที่มีพนักงานที่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดีซึ่งปฏิบัติตามขั้นตอนการปฏิบัติงานมาตรฐาน (SOP) การดำเนินการคลังสินค้าทั้งหมดขึ้นอยู่กับพนักงาน ดังนั้น กระบวนการคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซที่ไม่ดีจึงเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงประสิทธิภาพและระดับประสิทธิภาพที่ต้องการ ด้วยพนักงานคลังสินค้าที่เหมาะสม ช่วยให้สามารถเพิ่มผลผลิต ประสิทธิภาพ และคุณภาพของกระบวนการปฏิบัติตามคำสั่งซื้ออีคอมเมิร์ซของเราได้

  7. ความปลอดภัยและการป้องกัน อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ แม้แต่ในคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซที่ดีที่สุด ดังนั้น เพื่อป้องกันสินค้าคงคลังของคุณจากการโจรกรรม ภัยพิบัติทางธรรมชาติ การหดตัว หรือการแตกหัก เลือกคลังสินค้าที่มีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่ดีที่สุด คลังสินค้าอีคอมเมิร์ซที่ปลอดภัยและได้รับการป้องกันอย่างดีควรติดตั้งอุปกรณ์และแกดเจ็ตเพื่อให้มีความปลอดภัยสูงสุด

 

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกหลายอย่างที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซที่เหมาะกับธุรกิจของเรา   แต่ไม่ว่าจะเลือกตัวเลือกใด เรื่องสำคัญที่ควรจดจำคือ เราต้องสามารถเปลี่ยนการตัดสินใจได้ตลอดเวลา เพราะธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และเมื่อเราสามารถพิจารณาปรับเปลี่ยนประเภทคลังสินค้าได้ตลอดเวลา ซึ่งคลังสินค้าที่เหมาะกับการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายและสะดวกที่สุดโกดังสินค้าเช่า หรือคลังสินค้าให้เช่า

หากคุณคือผู้ประกอบการธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่กำลังมองหาโกดังเช่า หรือคลังสินค้าให้เช่าคุณภาพสูงในทำเลที่ดีเยี่ยม”ทิพย์โฮลดิ้ง” คือหนึ่งในผู้ให้บริการคลังสินค้าให้เช่า โกดังสินค้าให้เช่าคุณภาพที่ได้รับความเชื่อถือจากลูกค้ามานาน สำหรับบริษัท ทิพย์โฮลดิ้ง จำกัด คือหนึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการ”  โรงงานให้เช่า (Factory for rent Thailand) คลังสินค้าให้เช่า (Warehouse for rent Thailand) คลังสินค้า บางปู โกดังให้เช่า และย่านบางนา-ตราดที่ได้รับความไว้วางใจมานานกว่า20 ปี  สำหรับ”ทิพย์โฮลดิ้ง” มีผลงานการพัฒนาโครงการโรงงาน และคลังสินค้าให้เช่า ในจังหวัดสมุทรปราการมาแล้วกว่า 650 หลัง หรือมากกว่า 900,000 ตารางเมตร

ปัจจุบันได้ “ทิพย์โฮลดิ้ง” ได้เปิดโครงการ TIP INDUSTRIAL PROJECT  โครงการคลังสินค้าให้เช่าโกดังให้เช่าและโรงงานให้เช่า ทั้งหมด 9 โครงการ ตั้งแต่ขนาด 500 - มากกว่า 10,000 ตารางเมตร มีหลากหลายประเภทให้เลือก เช่น โรงงานขนาดเล็ก โรงงานพรีเมียมคลังสินค้าขนาดใหญ่คลังกระจายสินค้า คลังสินค้าราคาย่อมเยา รวมไปถึงโรงงานสั่งสร้างคลังสินค้า โรงงาน ตามความต้องการของลูกค้า และยังสามารถเลือกให้เหมาะสมตรงตามนโยบายขององค์กร เช่น ซื้อหรือเช่า โดยผู้สนใจเช่าคลังสินค้า โกดังสินค้า ใน โครงการ TIP 1 - TIP 9  สมุทรปราการ ประเทศไทย  ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่โทร 02 170 8888 

 

สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : โทร : +66 2 170 8888
สำหรับการสอบถาม ภาษาไทย/ภาษาอังกฤษ : +66 083-465-4999
สำหรับการสอบถาม ภาษาญี่ปุ่น : +66 92 705 5511
แฟกซ์ : +66 2 170 8363
อีเมล : tip.rent@gmail.com

10 August 2023

Viewed 443 time